การจะเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางสักใบหนึ่ง สิ่งที่เราคำนึงถึงมักเป็นความคงทน แข็งแรง และความสวยงามถูกใจเป็นหลัก ซึ่งนั่น ยังไม่เพียงพอในการเลือกกระเป๋าเดินทางสักใบหนึ่ง และอาจเกิดปัญหาในการใช้งาน จนคุณต้องเสียดาย และเสียใจในภายหลังได้
หากคุณต้องการเลือกซื้อ กระเป๋าเดินทางราคาถูก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่นอกจากความสวยงาม และความคงทน สิ่งที่คุณไม่ควรละเลยในการเลือกซื้อมีดังนี้
ต้องมีสายรัดในกระเป๋า อย่ามองข้ามประโยชน์ของสายรัดในกระเป๋าไปเชียว เพราะมันจะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายไร้กังวลขึ้นอีกเป็นกอง เพราะคุณสามารถอัดของในกระเป๋าให้มีขนาดเล็กลง เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งาน อีกทั้งยังช่วยรัดสัมภาระของคุณให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาจะหิ้วจะลากไปไหน ของข้างในก็ไม่พัง
เสียหายง่ายๆ เน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน มากกว่าความสวยงาม ส่วนใหญ่กระเป๋าเดินทางประเภท Designer Bag สวยงามหรูหรามีสไตล์ ค่อนข้างไม่แข็งแรง และราคาแพงเกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นเลือกกระเป๋าทรงปกติเบสิกมาตรฐานที่มีความแข็งแรงทนทาน ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน เคลื่อนย้ายสะดวก เพื่อทริปที่สนุกแบบไม่มีสะดุด
อย่ายึดติดแบรนด์ แบรนด์กระเป๋าเดินทางดีๆ ไม่ได้มีแค่ Samsonite หรือ American Tourister เท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายแบรนด์ที่คุณภาพดีงามไม่แพ้กัน แถมราคายังเป็นมิตรอีกด้วย อย่างเช่นแบรนด์ Travelpro, Eminent, Echolac, Delsey และอีกมากมายเพราะกระเป๋าเดินทางดีๆ มีให้คุณเลือกมากมายในราคาที่คุณจ่ายไหว การรับประกัน แทบทุกแบรนด์จะมีการรับประกันต่อเมื่อกระเป๋าได้รับความเสียหายที่เกิดจากการผลิตเท่านั้น เช่น รอยเย็บเบี้ยว น็อตหลุด และการรับประกันต้องเป็น “การรับประกันจากศูนย์ผู้ผลิตเท่านั้น” ไม่ใช่จากทางร้านจัดจำหน่ายนะ
ซื้อกระเป๋าเดินทางกับร้านที่มีความรู้ด้านกระเป๋าจริงๆ แนะนำว่าไปซื้อจากศูนย์หรือตามห้างร้านที่มีพนักงานขายแบบมืออาชีพเชี่ยวชาญด้านกระเป๋าจริงๆ ที่เราสามารถสอบถามพนักงานเกี่ยวกับความทนทาน วัสดุที่ใช้ผลิต ล้อแบบนี้ดีมั้ย เราจะไปเที่ยวประเทศนี้ ไลฟ์สไตล์เราเป็นแบบนี้ ควรเลือกกระเป๋าแบบไหน งบมีเท่าไหร่ พนักงานจะได้จัดสเปคได้ตามความต้องการ
หากคุณกำลังจะเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางสักใบให้คุ้มค่า ก็อย่าลืมนึกถึงหลักในการเลือกซื้อเหล่านี้ให้ครบทุกข้อด้วยนะคะ
ด้วยใบหน้าของเรานั้นจะเป็นบริเวณที่สำคัญมาก การรักษาดูแลให้ดูดีได้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง และใบหน้ายังเป็นส่วนที่บอบบางมากอีกด้วย ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ดีๆอย่าง ครีมรกแกะ ช่วยหรือหากไม่ใช้อะไรเลย ไม่ดูแลผิวหน้าหรือว่าหากดูแลผิวหน้าไม่ถูกวิธีแล้วละก็ ก็เสี่ยงทำให้ใบหน้าพังหรือว่าอาจทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆตามมาอีกด้วย ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ใบหน้ามีปัญหา เช่น สุขภาพภายใน อาหารการกิน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับใบหน้า เลือกครีมไม่ถูกกับสภาพผิว หรือว่าแม้นแต่การดำเนินชีวิตประจำวัน ก็มีผลด้วยเช่นกัน ดังนั้นสำหรับวันนี้จึงจะมานำเสนอพฤติกรรมที่ผิดที่เสี่ยงต่อการทำร้ายผิว
1. การใช้โลชั่นทาผิวทาหน้า ใครก็ตามที่มีความคิดว่าโลชั่นบำรุงผิวกายสามารถที่จะบำรุงผิวหน้าได้นั้นคิดผิดมากๆ เพราะแม้นว่าส่วนผสมของโลชั่นทาผิวกับครีมทาหน้าจะไม่ค่อยแตกต่างกันแต่โลชั่นทาผิวหายนั้นส่วนมากจะมีสารบำรุงน้อยกว่ากันมาก อีกทั้งโดยมากจะเน้นไปที่การให้ความหอมมากกว่าเมื่อนำมาทาหน้าจึงทำให้เกิดปัญหาหน้าแห้ง รูขุมขนอุดตัน หรือเกิดการแพ้ได้ 2. อย่าใช้สบู่ก้อนล้างหน้าอย่างเด็ดขาด การคนใช้สบู่ก่อนล้างหน้าแก้ขัดไปก่อนเมื่อยามที่โฟมล้างหน้าหรือว่าสบู่ล้างหน้าหมด แต่ที่จริงนั้นล้างน้ำเปล่าไปก่อนจะยังดีกว่าเพราะว่าสบู่นั้นจะทำให้ใบหน้านั้นแห้งและระคายเคืองได้ อีกทั้งยังมีเคมีที่รุนแรงเหมาะกับผิวกายมากกว่า 3. ระวังอย่าให้สเปรย์จัดแต่งทรงผมโดนใบหน้า เพราะว่า จะทำให้ผิวหน้าแห้ง ขาดน้ำ รูขุมขนอุดตัน เกิดการระคายเคืองเพราะว่ามีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ รวมไปถึงสารประเภทกันน้ำซึมผ่าน เมื่อสัมผัสใบหน้าจะทำให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น ดังนั้นหลีกเลี่ยงจะดีกว่า 4. ห้ามใช้น้ำมะนาวล้วนๆในการทาหน้า อาจจะใช้ในการเป็นส่วนผสมในการมาร์กหน้าหรือว่าสครับหน้าดีกว่า เพราะว่าน้ำมะนาวล้วน ๆ เพราะว่าในน้ำมะนาวมีกรดที่สูงมากเสียงต่ออาการแสบหน้าและ ทำให้ใบหน้านั้นเสียสมดุล ดังนั้นควรผสมน้ำ หรือส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อไม่ให้ลดค่าความเป็นกรดเสียก่อน โดยเฉพาะสาวผิวบอบบาง ไม่ควรใช้น้ำมะนาวทาหน้าเด็ดขาด 5. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนล้างหน้า อย่าเข้าใจผิกว่าการใช้น้ำร้อนล้างหน้าจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกและความมันออกไปได้อย่างหมดจด แต่ในที่จริงนั้นมันตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิ้งมันทำให้ใบหน้าของเรานั้นมันสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแห้งมาก ๆ อีกด้วย
เฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้งานกันอยู่นั้นมีมากมายหลายประเภท และทำมาจากหลายวัสดุ สิ่งที่สำคัญนอกเหนือจากการเลือกมาอย่างถูกต้องตามประโยชน์ใช้สอย และความพึงพอใจ ก็คือการทำความสะอาด สำหรับการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ในแต่ละประเภท สามารถทำได้ดังนี้
เฟอร์นิเจอร์บุผ้า ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ผู้ใช้จะรู้สึกได้ถึงความสบาย เพราะสัมผัสแล้วไม่ร้อน แต่ปัญหาที่พบบ่อยก็คือ ความสกปรกที่เกิดจากฝุ่นละอองและความชื้นภายในห้อง วิธีดูแลรักษาที่ง่ายที่สุดก็คือ ให้นำไม้ขนไก่หรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ฝุ่นสะสมจนเกิดคราบสกปรกติดที่ผ้าบุ หากมีน้ำหกใส่ให้รีบนำผ้าสะอาดมาซับน้ำตรงรอยเปื้อนออกให้หมด แล้วใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้เนื้อผ้าแห้งเร็วขึ้น โดยใช้ความร้อนต่ำๆ
สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงในบ้าน แน่นอนว่าต้องมีขนสัตว์ร่วงติดอยู่บนเบาะ การหยิบหรือปัดธรรมดาคงเอาออกไม่หมด เพื่อความสะดวกขอแนะนำให้ใช้ลูกกลิ้งกำจัดฝุ่นซึ่งมีกาวในตัว โดยนำไปกลิ้งบริเวณที่นั่งหรือพนักพิงที่มีขนสัตว์ติดอยู่ และในส่วนที่เข้าไปไม่ถึง เช่น ตามซอกหรือตะเข็บ เราอาจใช้เทปกาวพันรอบนิ้วมือหรือพันรอบตะเกียบ แล้วนำไปแตะๆ เพื่อเก็บรายละเอียดก็ได้
เฟอร์นิเจอร์ประเภทโครเมียม ไม่ควรให้ถูกขูดหรือถูกกระแทกจากของแข็ง ของมีคมเพราะจะทำให้เกิดรอยที่ไม่สามารถลบได้ หลีกเลี่ยงคราบเกลืออาจทำให้เกิดสนิม การทำความสะอาดเช็ดด้วยผ้านุ่มหมาดน้ำ หากต้องการขัดเงาทำได้โดยโรยแป้งฝุ่นให้ทั่วบริเวณและใช้ผ้านุ่มเช็ดออกให้หมด
เฟอร์นิเจอร์หวาย หวายเป็นวัสดุที่ได้จากธรรมชาติ มีลักษณะเป็นเส้นเหนียว สีคล้ายต้นไผ่ หาได้ง่ายแถบเอเชียบ้านเรา และเหมาะกับการนำมาทำเครื่องจักสาน และงานเฟอร์นิเจอร์ เส้นหวายที่นำมาใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์มักผ่านการทาสารเคลือบเงาเพื่อความสวยงาม เช่น แล็กเกอร์ก่อนจะนำมาถัก สาน พันสอดให้เป็นรูป
ทรงตามต้องการ เฟอร์นิเจอร์หวายไม่ต้องการการดูแลอย่างพิถีพิถันอะไรมากมาย แค่ทำความสะอาดด้วยผ้าทำความสะอาดเช็ด ไม้ขนไก่ปัดฝุ่น และอาจจะเช็ดด้วยน้ำยาเคลือบเงาเฟอร์นิเจอร์ได้บ้างเป็นครั้งคราว หวายที่ใช้งานนานอาจจะเกิดอาการหย่อนตัวเป็นแอ่งขึ้นได้ เราสามารถบรรเทาปัญหาได้ด้วย การใช้สบู่ต้มร้อนเช็ดไปบนเส้นหวายแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด และนำไปผึ่งแดดให้แห้ง เส้นหวายจะคืนตัวได้บางส่วน สามารถยืดอายุการใช้งานไปได้
หากใครเลี้ยงแมว มันมักจะชอบฝนเล็บกับเส้นหวายทำให้หวายแตก หัก ขาด แล้วรอยชำรุดจะลุกลามไปเรื่อยๆ ระหว่างการใช้งาน ดังนั้นหากพบก่อนก็ควรนำไปซ่อมแซมได้เลย ไม่เช่นนั้นคุณต้องเลือกระหว่างแมวกับหวายแต่ต้น
เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตมาจาก โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ แต่ละแห่ง ก็มีคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป จะต้องเลือกให้ถูกต้อง มีคุณภาพมากที่สุด และจะต้องดูแลรักษาอย่างถูกต้องด้วยนะคะ
การที่เราจะสร้างงาน การที่จะสร้างธุรกิจ ร้านค้า ร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร การออกแบบเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญ ถ้าสร้างไม่ดี ออกแบบไม่สวย แม้นว่าบริการมันจะดีขนาดไหนมันก็ไม่สามารถที่จะดึงลูกค้าขาจรเข้ามาใช้บริการได้ แต่ในทางตรงข้ามหากเราสร้างร้านให้โดเด่นจ้างบริษัท รับออกแบบร้านทำเล็บ ที่มีความรู้และประสบการณ์สามารถที่จะสร้างสรรค์ร้านของเราให้โดเด่น สะดุดตา ไม่เหมือนใคร สุดท้ายคนก็มาใช้บริการของเรามากยิ่งขึ้น แต่ก่อนที่เราจะเริ่มต้นในการจ้างใครนั้นจะต้องทำการบ้านจากตัวเราเองก่อนเราจะต้องเตรียมข้อมูลของตนเอง ของร้านเราให้พร้อมแล้วจึงเอารายละเอียดที่เราต้องการในการทำร้านของเราไปคุยกับบริษัทรับออกแบบหรือว่าสถาปนิกอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นเจ้าของร้านจะต้องเตรียมตัวก่อนออกแบบด้วยการให้ข้อมูลแก่บริษัท เพื่อให้สถาปนิกของบริษัทแปลความต้องการของเรานำไปประกอบในการที่จะไปใช้ในการออกแบบร้านให้ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด โดยเราเองในฐานะของเจ้าของร้านเองควรปฎิบัติตัวดังต่อไปนี้คือ
1. เตรียมเอกสารข้อมูลในการที่จะทำร้านให้ครบถ้วน เช่น ผังในการทำร้าน ทำเลที่ตั้ง จะต้องมีโฉนดเตรียมข้อมูลในการที่จะมาทำการออกแบบ 2. เตรียมไอเดียในการสร้างร้านของเราเอง อาจะไปดุร้านที่เค้าเปิดมาก่อนแล้วถ่ายภาพมาเมื่อถูกใจ หรือว่าหาข้อมูลจาก google แล้วเอาภาพมาคุยกับบริษัทรับออกแบบ 3. เตรียมงบประมาณในการออกแบบร้านให้เรียบร้อยว่าค่าใช้จ่ายในการทำร้านวงเงินเท่าไหร่ 4. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบไม่ควรที่จะเปลี่ยนกลับไปกลับ การแก้ไขสามารถที่จะแก้ไขได้ แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนกลับไปกลับมาจะต้องพัฒนาจากแบบครั้งก่อน จะได้ไม่เสียเวลาในขั้นตอนนี้มากจนเกินไป 5. การออกแบบร้านอย่าเอาแต่ตัวเองมากจนเกินไปควรเปิดใจรับฟังไอเดียในการทำร้าน ออกแบบร้านจากบริษัทผู้รับจ้าง เพื่อให้ร้านมีเอกลักษณ์และสไตล์ที่โดดเด่น ด้วยประสบการณ์ในวิชาชีพที่ต่างกัน 6. การออกแบบมีทั้งการออกแบบภายในและภายนอก ดังนั้นควรเจรจาให้เรียบร้อยว่าขอบเขตการจ้างในการออกแบบแค่ไหน มีการบิวอินน์ด้วยหรือไม่
เราได้พูดถึงหลักในการเลือก โต๊ะครู ไปมากแล้ว ซึ่งก็มีความเหมือนและแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เป็นหลักสำคัญในการเลือกมากที่สุด ก็คือความเหมาะสมในการใช้งาน
หากเราต้องการจะพิจารณาดูว่าโต๊ะครูแบบใดที่จะเรียนกว่าเหมาะสม ก็สามารถพิจารณาได้หลักๆ 3 ด้าน ดังต่อไปนี้
ฟังก์ชั่น แม้จะเป็นเพียงโต๊ะทำงานของครู แต่โต๊ะครูก็ต้องเลือกที่มีฟังก์ชั่นเหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งที่สำคัญก็คงเป็นพื้นที่ในการใช้งาน ทั้งพื้นที่บนโต๊ะ และพื้นที่สำหรับเก็บของ - ต้องมีพื้นที่บนโต๊ะที่กว้างเพียงพอในการทำงานต่างๆ รวมทั้งวางการบ้านของนักเรียนที่จะมาส่งได้ - พื้นที่สำหรับเก็บของควรมีลิ้นชักกลาง และลิ้นชักด้านข้างอย่างเพียงพอ - เก็บของได้เป็นสัดส่วนและปลอดภัย - อาจมีที่พักขาเพื่อความสบายในการนั่งทำงาน
ความปลอดภัย - เลือกโต๊ะครูที่มีความคงทนแข็งแรง ใช้วัสดุที่เหมาะสม รับน้ำหนักได้ดี - ผลิตอย่างมีคุณภาพ ใส่ใจในงาน ขัดตกแต่ง และตะไบเรียบร้อย ลบเหลี่ยมคม รวมถึงมีโครงสร้างเสริม เพื่อป้องกันการชำรุดเสียหาย และการได้รับบาดเจ็บ - ลิ้นชักต้องมีกุญแจล็อกแน่นหนา เพื่อป้องกันของหาย หรือการเปิดโดยพลการต่างๆ ของรักเรียน หรือบุคลากรอื่นๆ
ความเหมาะสมในด้านอื่น - ควรมีความสวยงาม น่าใช้ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจ - มีความสูงที่เหมาะสม โต๊ะครูและเก้าอี้ต้องมีความสูงที่เหมาะสมกันด้วย - ราคาเหมาะสม ไม่สูงเกินไป และไม่ถูกเกินไป ดูที่คุณภาพและราคาสัมพันธ์กัน - เก้าอี้ควรนั่งได้อย่างสบาย เคลื่อนย้ายสะดวก แข็งแรง รับน้ำหนักได้มาก และมีพนักพิง หากเลือกโต๊ะครูที่มีฟังก์ชั่นเหมาะสม มีความปลอดภัย ผลิตมาอย่างใส่ใจ และมีความเหมาะสม สะดวกสบาย ก็สามารถใช้งานโต๊ะครูไปได้อย่างยาวนาน และคุ้มค่า
บอกได้เลยว่าส่วนหนึ่งก็คือ พฤติกรรมหรือว่ากิจวัตรในชีวิตประจำวันของเรานี้แหละที่จะเป็นตัวสนับสนุนให้เกิดปัญหาผิวขึ้นมาบนใบหน้าปละร่างกายของเราเอง ดังนั้นการที่จะมาป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวคล้ำแดดนั้นจะต้องเริ่มมาจากไหน ก็เริ่มมาจากกิจกรรมหลายๆอย่างของเราเอง ควรหันมาปรับเปลี่ยนนิสัย หรือว่ากิจกรรมที่ทำเป็นประจำแต่เป็นการทำร้ายและทำร้ายผิวทางอ้อมกันดีกว่า ดังนั้นลองมาดูสิว่าเราควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อให้ผิวดีไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาผิวดำคล้ำแดดมากวนใจเราได้
1. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ไม่ว่าจะออกแดดหรือไม่ก็ตาม อย่าลืมว่าการอยู่ในสำนักงานก็สัมผัสกับแสงจากหลอดไฟก็ทำร้ายผิวได้เช่นกัน การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการทาเป็นประจำ การที่จะออกไปเผชิญแสงแดดที่ร้อนระอุ มลภาวะและฝุ่นควันคือ ตัวการในการทำร้ายผิวอย่างร้ายกาจ ดังนั้นควรทาครีมกันแดดก่อนออกนอกบ้านอย่างน้อย 20 – 25 นาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ครีมกันแดดปกป้องแสงแดดจากผิวได้อย่างเต็มที่ และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างเช่น oradol เพิ่มเติม
2. ออกกำลังกายเป็นประจำและสม่ำเสมอ การออกกำลังกายทำให้เลือดลมไหลเวียนได้อย่างดียิ่ง การขับเหงื่อทำให้ผิวพรรณยิ่งสดใสเข้าไปใหญ่
3. การดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 – 9 แก้วต่อวันหรือว่าประมาณ 2 ลิตร การดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดและบริสุทธิ์ จะช่วยทำให้ผิวช้ำน้ำ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เปรียบเทียบง่ายๆสำหรับคนที่ชอบดื่มน้ำกับคนไม่ดื่มน้ำหรือว่าดื่มน้ำน้อยผิวจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนไม่ดื่มน้ำผิวจะแห้ง แลดูไม่ค่อยสดชื่นสักเท่าไหร่ น้ำเปล่ายิ่งทานมากยิ่งดี แม้นว่าจะต้องทนรำคาญในการเข้าห้องน้ำบ่อย แต่ยังไรเสียก็ยังสามารถที่จะทำให้สามารถขัดสิ่งสปกรกในร่างกายออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวดูสดใส ไม่มีปัญหาหน้าตาหมองคล้ำ จุดด่างดำลดลงได้อีกด้วย
4. การทานผักผลไม้ที่ช่วยบำรุงผิวเป็นประจำ บอกได้เลยว่ามีผลดีอย่างยิ่งสำหรับการที่จะทำให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง การที่ดูแลจากเพียงภายนอกแต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอหรอกจะดูแลจากภายในด้วยการทานของดีมีประโยชน์กับผิวด้วย เน้นผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เป็นหลัก เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ หรือฝรั่ง ส้ม มะเขือเทศ เป็นต้น
Copyright @ 2013 : http://weloveclassified.comGoogle bot last visit powered by Gbotvisit